Lactose
แล็กโทส (lactose) เป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทน้ำตาลโมเลกุลคู่ ที่ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคสกับน้ำตาลกาแลคโตส อย่างละ 1 โมเลกุล มีระดับความหวานสัมพัทธ์อยู่ที่ 20 ในขณะที่น้ำตาลทรายมีความหวานสัมพัทธ์ที่ 100 ละลายน้ำได้น้อยกว่าน้ำตาลชนิดอื่น ๆ และเป็นน้ำตาลที่พบได้เฉพาะในน้ำนมของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม สามารถแยกได้จากเวย์ ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตเนยแข็ง หรือตกตะกอนแยกโปรตีนเคซีนในน้ำนม

โครงสร้างโมเลกุลของแลคโทส
การผลิตแลคโทส
การแยกแล็กโทสออกจากเวย์ เพื่อผลิตเชิงการค้า มีกระบวนการดังนี้
1. Evaporation คือการระเหยเอาน้ำออกจากเวย์ด้วยเครื่องระเหย (evaporator) เพื่อทำให้เวย์เข้มข้นจนมีปริมาณของแข็งมากกว่า 60%
2. Crystallization หรือกระบวนการตกผลึก เมื่อระเหยน้ำออกจากเวย์จนได้ระดับปริมาณของแข็งตามที่กำหนดแล้ว แลคโทสที่อยู่ในเวย์จะตกผลึกเนื่องจากละลายน้ำได้ไม่มี
3. Centrifugation เป็นขั้นตอนปั่นหวี่ยงด้วยแรงหนีศูนย์ (centrifuge) เพื่อแยกเอาผลึกแล็กโทสออกจากส่วนของโปรตีนที่เหลือ
4. Dehydration เมื่อแยกผลึกแลคโทสจากส่วนของโปรตีนที่ไม่ต้องการแล้ว
จากนั้นนำผลึกแลคโทสที่ได้ไปทำให้แห้ง บดจนเป็นผงละเอียดและกรองผ่านตะแกรงตามขนาดที่ต้องการ

ลักษณะผงของแลคโทส
การนำไปใช้ประโยชน์
แลคโทสที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วจะมีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ หรือหวานน้อยมาก ๆ ดังนั้นจึงนิยมนำไปเป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมอาหารหลายชนิด
ข้อควรระวังในการใช้แลคโทส
1. แลคโทสเป็นน้ำตาลที่ละลายน้ำได้น้อย จึงทำให้เกิดปัญหาการตกผลึกของแลคโทสในผลิตภัณฑ์นม เช่น นมข้นหวาน และไอศกรีมที่มีความเข้มข้นของน้ำตาลแล็กโทสสูง ต้องควบคุมผลึกของแลคโทสไม่ให้มีขนาดใหญ่ ถ้าผลึกของน้ำตาลแล็กโทสมีความยาวมากกว่า 30 ไมครอนจะทำให้ไอศกรีมมีลักษณะเนื้อเป็นทราย สากลิ้น สามารถแก้ได้โดยการลดอุณหภูมิของไอศกรีมอย่างรวดเร็ว หรือใส่แลคโทสผงที่มีขนาดเล็กลงไปแทน
2. อาการแพ้แลคโทส โดยปกติเอนไซม์ที่สามารถย่อยแลคโทสได้คือ แลคเทส (lactase) หรือ หรือ บีตา-กาแลคโทซิเดส (beta- galactosidase) เป็นเอนไซม์ที่พบในสัตว์ที่ยังไม่หย่านม ทำให้คนที่เลิกดื่มนมเป็นเวลานาน เอนไซม์นี้จะหายไปและเมื่อกลับมาดื่มนมหรือรับประทานผลิตภัณฑ์นมใหม่ จะทำให้น้ำถูกดึงออกมาจากลำไส้เล็ก จึงทำให้มีอาการ ถ่ายเหลว ท้องเสีย เรียกว่า lactose intolerance

โครงสร้างโมเลกุลของแลคโทส
การผลิตแลคโทส
การแยกแล็กโทสออกจากเวย์ เพื่อผลิตเชิงการค้า มีกระบวนการดังนี้
1. Evaporation คือการระเหยเอาน้ำออกจากเวย์ด้วยเครื่องระเหย (evaporator) เพื่อทำให้เวย์เข้มข้นจนมีปริมาณของแข็งมากกว่า 60%
2. Crystallization หรือกระบวนการตกผลึก เมื่อระเหยน้ำออกจากเวย์จนได้ระดับปริมาณของแข็งตามที่กำหนดแล้ว แลคโทสที่อยู่ในเวย์จะตกผลึกเนื่องจากละลายน้ำได้ไม่มี
3. Centrifugation เป็นขั้นตอนปั่นหวี่ยงด้วยแรงหนีศูนย์ (centrifuge) เพื่อแยกเอาผลึกแล็กโทสออกจากส่วนของโปรตีนที่เหลือ
4. Dehydration เมื่อแยกผลึกแลคโทสจากส่วนของโปรตีนที่ไม่ต้องการแล้ว
จากนั้นนำผลึกแลคโทสที่ได้ไปทำให้แห้ง บดจนเป็นผงละเอียดและกรองผ่านตะแกรงตามขนาดที่ต้องการ

ลักษณะผงของแลคโทส
การนำไปใช้ประโยชน์
แลคโทสที่ผ่านกระบวนการผลิตแล้วจะมีลักษณะเป็นผงละเอียดสีขาว ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ หรือหวานน้อยมาก ๆ ดังนั้นจึงนิยมนำไปเป็นส่วนผสมในอุตสาหกรรมอาหารหลายชนิด
- อาหารเพื่อสุขภาพสำหรับนักกีฬา ใช้เป็นส่วนผสมเพื่อเพิ่มน้ำหนักในเวย์โปรตีน
- ผลิตภัณฑ์นม ใช้เพิ่มปริมาณ และช่วยเพิ่ม shelf life ของผลิตภัณฑ์นมผง ไอศกรีม ช๊อคโกแลต และกาแฟ เป็นต้น
- ผลิตภัณฑ์เบเกอรี ทำให้ขนมปังขึ้นฟู เหนียวนุ่ม ช่วยเพิ่มรสชาติให้ขนมปัง เพิ่มปฏิกิริยา Maillard reaction ทำให้ขนมปังมีสีน้ำตาล น่ารับประทาน
- ใช้เป็นตัวพาสำหรับทำ flavor reagent และสีผสมอาหาร

ข้อควรระวังในการใช้แลคโทส
1. แลคโทสเป็นน้ำตาลที่ละลายน้ำได้น้อย จึงทำให้เกิดปัญหาการตกผลึกของแลคโทสในผลิตภัณฑ์นม เช่น นมข้นหวาน และไอศกรีมที่มีความเข้มข้นของน้ำตาลแล็กโทสสูง ต้องควบคุมผลึกของแลคโทสไม่ให้มีขนาดใหญ่ ถ้าผลึกของน้ำตาลแล็กโทสมีความยาวมากกว่า 30 ไมครอนจะทำให้ไอศกรีมมีลักษณะเนื้อเป็นทราย สากลิ้น สามารถแก้ได้โดยการลดอุณหภูมิของไอศกรีมอย่างรวดเร็ว หรือใส่แลคโทสผงที่มีขนาดเล็กลงไปแทน
2. อาการแพ้แลคโทส โดยปกติเอนไซม์ที่สามารถย่อยแลคโทสได้คือ แลคเทส (lactase) หรือ หรือ บีตา-กาแลคโทซิเดส (beta- galactosidase) เป็นเอนไซม์ที่พบในสัตว์ที่ยังไม่หย่านม ทำให้คนที่เลิกดื่มนมเป็นเวลานาน เอนไซม์นี้จะหายไปและเมื่อกลับมาดื่มนมหรือรับประทานผลิตภัณฑ์นมใหม่ จะทำให้น้ำถูกดึงออกมาจากลำไส้เล็ก จึงทำให้มีอาการ ถ่ายเหลว ท้องเสีย เรียกว่า lactose intolerance
MORE KNOWLEDGE

Sweet whey powder
มีโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและถูกนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารเสริม และอาหารทางการแพทย์
Read

Whole milk powder
มักนิยมนำนมผงไปใช้ในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมนม ขนม โยเกิร์ต รวมถึงอุตสาหกรรมเบเกอรี่ และไอศกรีม เนื่องจากนมผงชนิดเต็มมันเนยเป็นนมผงที่มีไขมันสูง จึงทำให้มีความหอมมันรสชาติดีกว่านมผงชนิดอื่น
Read

Fennel
เมล็ดเทียนข้าวเปลือกพันธุ์หวานมีน้ำมันหอมระเหยที่ให้กลิ่นหอมจึงนิยมนำมาใช้เป็นเครื่องเทศเพื่อดับกลิ่นขาว สามารถประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น อาหารประเภทเนื้อสัตว์ ปลา อาหารทะเล ซอส ซุป และอุตสาหกรรมแต่งกลิ่นน้ำปลา
Read

Sodium caseinate
โซเดียมแคซิเนตนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์นม และไอศกรีม ด้วยมีคุณสมบัติที่อุ้มน้ำได้ดี มีผลทำเกิดความข้นหนืด และเกิดอิมัลชัน
Read

Pea starch
สตาร์ชจากถั่วนิยมนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการความยืดหยุ่น และเนื้อสัมผัสที่เหนียว นุ่ม
Read

Maltodextrin
มอลโตเดกซ์ตริน (Maltodextrin) เป็นสารที่อยู่ในกลุ่มคาร์โบไฮเดรต ถูกจัดอยู่ในประเภทของ
พอลิแซคคาไรด์ มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดสีขาว
พอลิแซคคาไรด์ มีลักษณะเป็นผงหรือเกล็ดสีขาว
Read

Milk protein concentrate (MPC)
ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมอาหารหลากหลายด้าน เนื่องจากมีโปรตีน และสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายสูง เช่น นำไปเป็นส่วนผสมในอาหารสำหรับทารก เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อาหารแช่แข็ง โยเกิร์ต ชีสและเบเกอรี
Read

Bifidobacterium
เป็นแบคทีเรียตระกูล Actinomycetaceae ย้อมติดสีแกรมบวก รูปแท่งคล้ายตัวอักษรวาย ไม่สร้างสปอร์ ไม่เคลื่อนที่ ส่วนใหญ่ไม่ใช้ออกซิเจนในการเจริญ สามารถหมักน้ำตาลกลูโคสได้กรดซิตริก และกรดแลกติก และไม่ผลิตผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
Read

Milk permeate
มีกลิ่นหอมนม และรสชาติคล้ายกับนมผง แต่มีราคาที่ถูกกว่า สามารถนำไปใช้ทดแทนนมผงหรือหางนมผงได้ แต่อย่างไรก็ตาม ด้วยองค์ประกอบ และปริมาณโปรตีน และไขมันต่างกันอาจทำให้รสชาติ เนื้อสัมผัส และกลิ่นต่างจากการใช้นมผง
Read

Bay leaf
มีกลิ่นหอม จึงนิยมนำมาใช้เพื่อแต่งกลิ่นในอาหารหลายชนิด ช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์ เช่น น้ำสต็อก น้ำเกรวี่ สตูว์ แกงมัสมั่น
Read